วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิธีสร้างความสุขให้กับตนเองอย่างง่ายฯ

ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบคนอื่น จงเป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละดีแล้ว
และเป็นให้ดีที่สุด แม้จะอ้วนไปนิด ผอมไปหน่อย ฐานะยากจน การศึกษาน้อย ถูกทิ้ง
ไม่มีคนรัก ฯลฯ ก็อย่าไปคิดซ้ำจนเกิดเป็นปมด้อย จงเป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละ
และพัฒนาสิ่งที่เราเป็นและมีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น
เก่งมาก ดีมากแล้ว ไม่ต้องไปเปรียบเทียบหรือหาทางเปลี่ยนแปลงให้เหมือนคนอื่น
แบบเอาเป็นเอาตาย
หรือแบกปมด้อยทั้งชีวิตหรอก

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

5 วิธี ไม่มีเครียด


5 วิธี   ไม่มีเครียด
1.      เชื่อมั่น  :  สร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง
มั่นใจได้ว่า  :  ในชีวิตเรา ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ แม้ความตายก็ป้องกันได้ ชะลอได้
พึงระลึกว่า  : 
ทุกปัญหา จะมีทางแก้ไขในระดับหนึ่งเสมอ
ทุกคนมีปํญหาของตน
ไม่มีปัญหาใดที่ไม่มีทางออก
เงื่อนไขเวลาก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง
2.      สติ  :  มีสติ เตรียมตัวก่อนจะทำกิจกรรมใดฯ
ตั้งสติ วิเคราะห์ เข้าใจปัจจัยต่างฯ ที่นำไปสู่อุปสรรค และมองหาทางเลือกที่ดีกว่า
ลุกขึ้นจากที่นอนเช้าหน่อย เช่น 05.00-06.00 . แล้วทำธุระ กิจส่วนตัวสบายฯ แล้ววางแผนว่าวันนี้จะทำอะไร อย่างไร กราบพระบ้าง ร้องเพลงบ้าง
 ธรรมชาติยามเช้าจะช่วยเติมความสุขใจ แจ่มใส ให้ได้ ถ้าสนใจ
3.      หวังตามที่ เป็นจริง  :  ไม่คาดหวังว่าผู้นั้น หรือสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องสมบูรณ์ หรือเป็นเลิศอย่างนั้นอย่างนี้ หากสิ่งที่เกิดขึ้น หรือไดัรับไม่สมดังที่หวังไว้ ก็ปล่อยไปบ้าง
หาทางปรับปรุงตามเหตุผล ไม่ต้องโกรธ หรือเสียใจ ได้เท่าใด ก็รับได้ ใช้ปัญญาดีกว่าใช้อารมณ์
4.      พฤติกรรมผู้อื่น : เป็นอย่างนั้นแหละ
ท่าที คำพูด สีหน้าและอารมณ์ของผู้อื่น เกิดจากปัญหาของเขาเอง ตามประสบการณ์ในวัยเด็ก  วิถีชีวิตในชีวิต ธรรมเนียมวัฒนธรรมของครอบครัว และเพื่อนฯของเขา
เห็นใจและเมตตาเขาบ้าง เมื่อเขาแสดงต่อเราไม่ดี ก็มักแสดงพฤติกรรมไม่ดีต่อผู้อื่นด้วย
ไม่ต้องไปรับเอามาโกรธ หรือ เสียใจให้เปลืองอารมณ์ และ ทำร้ายตัวเราเอง
5.      ลดอารมณ์ ทางลบ เพิ่มอารมณ์ ทางบวก
ความวิตกกังวล ความกลัว ความโกรธ ทำให้เครียด หมั่นทำความเข้าใจกับตนเองว่า ความรู้สึกเหล่านั้นเกิดด้วยเหตุใด ถ้าไม่เข้าใจก็หาที่ปรึกษา
 เช่น เพื่อน ผู้ปกครอง ฯลฯ และทบทวนทำความเข้าใจกับสี่ข้อข้างต้นให้แจ่มชัด พร้อมกับหาความสุข ความผ่อนคลายให้ตนเองในทุกฯ 24 ชั่วโมง ของตนเองให้พบ
แล้วปฏิบัติเป็นนิสัย เช่น ร้องเพลงคนเดียว หรือกับเพื่อนฯ ออกกำลังกายวิธีที่ถนัด
หาข้อขำขัน หัวเราะกับผู้อื่น

ที่มา : เอกสารแนะนำของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดย พญ. ภิรมย์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ต้มกะหลำปลี เจ

ต้มกะหล่ำปลี (เจ)
วัตถุดิบ ได้แก่  กะหล่ำปลี  เห็ดหอม น้ำตาล ซีอิ้วขาว เกลือ น้ำมันพืช ( ควรใช้น้ำมันถั่วเหลืองเพื่อความหอมอร่อย )
วิธีทำ
นำกะหล่ำปลีมาลอกใบที่เสียและช้ำออก จากนั้นหั่นกะหล่ำปลีออกเป็นสามส่วน หากลูกเล็ก จะหั่นครึ่งก็ได้
(เวลาซื้อแนะนำให้เลือกลูกที่หนักฯแน่นฯเวลาทานจะได้เต็มปากเต็มคำดี และมีปริมาณเนื้อผักมาก)
 แล้วนำไปแช่น้ำเปล่าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและยาฆ่าแมลงประมาณ 1 ชั่วโมง  หลังจากนั้น เทน้ำทิ้ง
และผึ่งลมไว้ให้สะเด็ดน้ำดีแล้ว ก็นำกะหล่ำปลีที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด
ดังรูปข้างล่าง กะประมาณให้กะหล่ำปลีสุกดีแล้ว  แต่อย่าให้ไหม้  ขณะทอด หากน้ำมันงวดลงเรื่อยฯ
ให้เติมน้ำมันลงไป เพราะกะหล่ำปลีจะค่อนข้างอมน้ำมันมาก  พอกะหล่ำปลีสุกดี ก็นำไปใส่ในหม้อที่เตรียมไว้
จากนั้น ดับไฟให้น้ำมันเย็นลง แล้วเทน้ำลงไปในกระทะที่มีน้ำมันเหลืออยู่ คลุกน้ำกับน้ำมันในกระทะ
เพื่อเป็นน้ำซุป เทใส่ลงในภาชนะที่ใส่กะหล่ำปลีรอไว้แล้ว
เห็ดหอมทอด
วิธีทำ
เวลาซื้อเห็ดหอม เลือกเห็ดที่มีลักษณะแข็ง ไม่นิ่มมากจนเละ และสีดำเกินไป เพราะอาจเป็นเห็ดที่เสีย
นำเห็ดมาแช่น้ำประมาณ 1 ชั่วโมง คะเนว่าเห็ดบวมน้ำดีแล้วจนทั่ว ให้นำเห็ดมาบีบน้ำออกจนหมด
แล้วปล่อยให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำลงไปทอดด้วยน้ำมันถั่วเหลือง ที่ร้อนจัด  ทอดจนเห็ดหอมพองขึ้นและ
มีสีเข้มขึ้น จึงนำไปใส่บนกะหล่ำปลีที่ทอดไว้แล้ว โรยเกลือ น้ำตาล ซีอิ้วขาว ปรุงรสตามใจชอบ
จากนั้น จึงนำกะหล่ำที่โรยหน้าด้วยเห็ดหอมแล้วไปต้ม ใช้ไฟร้อนจัดต้มประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยฯหรี่ไฟเป็นไฟอ่อน
ต้มอีกประมาณ 15 นาที  หากน้ำในภาชนะงวดลงไปให้เติมน้ำลงไปอีก เป็นอันเสร็จ

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ไก่ต้ม

ไก่ต้ม (สำหรับไหว้เจ้า)
สูตรนี้  ได้มาเพราะเป็นลูกมือช่วยคุณแม่ทำครับ เป็นสูตรโบราณเก่าแก่
วิธีล้างไก่
นำตัวไก่สดมาล้างน้ำให้สะอาด ล้างผิวหนังไก่ภายนอกก่อนแล้วค่อยควักเอาเท้าไก่  2 ข้างออกจากช่องท้องไก่ ต้องควักออกมาด้วยความระมัดระวัง อย่าให้เล็บหลุด หรือนิ้วไก่หักเป็นอันขาด
หลักจากนำขาไก่ออกจากช่องท้องไก่แล้ว ให้ใส่เกลือลงไปในช่องท้องไก่ 2 หยิบมือ กรอกน้ำสะอาดใส่ลงไป และเขย่าล้างทำความสะอาดภายในช่องท้องไก่
สักครู่ เทน้ำในช่องท้องไก่ทิ้ง ทำเช่นนี้อีก 2-3 ครั้ง จนแน่ใจกว่าสิ่งสกปรกภายในถูกขจัดออกหมดแล้ว
นำตัวไก่มาทาด้วยเกลือให้ทั่ว แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด  ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้ง หากพบขนไก่ติดตามหนังไก่ ให้ค่อยฯดึงทิ้งออกให้หมด
 ระวังอย่าให้หนังฉีกเพราะหากหนังฉีก เวลาต้มแล้วผิวหนังไก่จะแตกและไม่สวย
หลังจากนั้น ให้ขูดเอาสิ่งสกปรกบริเวณเท้าไก่ ที่เป็นสีดำออกให้หมด
การล้างเครื่องในไก่ ให้ล้างด้วยเกลือเช่นเดียวกัน แต่ล้างให้เบามือ อย่าให้ชิ้นส่วนเครื่องในหลุดขาดจากกันเป็นอันขาด
แล้วจึงนำเชือกมาผูกเครื่องในให้เป็นพวง เวลานำลงไปต้มใ เครื่องในจะสุก และกอดตัวกันแน่น ไม่หลุดจากกัน
วิธีการต้มไก่
ต้มน้ำให้เดิอดจัดประมาณครึ่งหม้อ พอน้ำเดือดดีแล้วให้เติมน้ำเปล่าลงไปอีกในปริมาณที่กะให้นำตัวไก่ลงไปต้มแล้วน้ำไม่ล้นออกมาเวลาน้ำเดือด
ใช้เวลาต้มประมาณ ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น ให้หิ้วตัวไก่ที่นำเชือกคล้องปีก่ไว้ทั้งสองข้างแล้วขึ้นจากน้ำ ( ควรทำก่อนนำไก่ลงไปต้ม)  แล้วแช่ในน้ำเปล่าสัก 15 นาที
เพื่อให้ตัวไก่ค่อยฯคลายความร้อน และหนังจะได้ไม่หดตัวเร็วเกินไปจนหนังแตก
หลังจานั้น นำตัวไก่ขึ้นจากน้ำ เอาน้ำมันพืช ทาให้ทั่วตัวไก่ แล้วแขวนผึ่งลมให้แห้ง
เครื่องในไก่ ให้ต้มด้วยน้ำเดือด แล้วผึ่งลมให้แห้ง เช่นเดียวกัน

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

การปลูกเศรษฐีเรือนใน

เศรษฐีเรือนใน
มีชื่อสามัญ ว่าSpider plant มีถิ่นกำเนิดใน อัฟริกาใต้
เศรษฐีเรือนในเป็นไม้ประดับที่นิยมปลูกในกระถางแขวนกันมากใบมีลักษณะคล้ายใบหญ้า บริเวณขอบ ใบจะมีสีเขียวยาวตลอด ส่วนกลางใบจะมีสีขาวครีม ใบมีความยาวประมาณ 15 - 30 ซม. โค้งงอลงด้านล่างเมื่อเลี้ยงไป สักระยะหนึ่งมันจะแตกกิ่งมีต้นอ่อนเล็กๆ อยู่ตรงส่วนปลายของกิ่งเป็นกระจุกดูน่ารัก บางคนเรียกว่าต้นแมงมุม และมีบางคนเรียกมันว่าต้นเรือบิน เนื่องจากเวลามีลมพัดมันจะกวัดแกว่งไปมาเหมือนเครื่องบินลอยอยู่ในอากาศ ต้นอ่อนที่แตกออกมานี้จะเกิดรากอย่างรวดเร็ว เราสามารถตัดเอาต้นอ่อน เหล่านี้ไปปลูกให้เจริญเติบโต เป็นต้นใหม่ได้อย่างง่ายดาย
แสง                              ชอบแสงสว่าง แต่ไม่ชอบแสงแดดโดยตรง

อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส

ความชื้น                      ต้องการความชื้นต่ำ

น้ำ                                รดน้ำแต่พอควร อาทิตย์ละครั้งก็พอ โดยตรวจดูผิวหน้าของดินปลูกก็ได้

ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ดินทราย 1 ส่วน เศษอิฐ ละเอียด 1 ส่วน

ปุ๋ย                                ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรด 2 เดือน / ครั้ง

กระถาง                         เปลี่ยนกระถางปีละครั้ง

การขยายพันธุ์               ตัดแยกต้นอ่อน

โรคและแมลง                ไม่ค่อยมีปัญหาโรคและแมลงนัก จะมีก็แต่เพลี้ยเป็นส่วนใหญ่


การป้องกันกำจัด          ใช้ยาไซกอน (cygon) อัตรา 20 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร รดให้ทั่วกระถาง  


วิธีปลูกเฟิร์นก้านดำบราซิล

เฟิร์นก้านดำ
เป็นเฟิร์นขนาดกลาง สูง 50-70 ซม. พุ่มค่อนข้างกว้างและใบดกแน่น ใบประกอบแบบขนนก แตกแบบตีนเป็ด ใบยาว 40-100ซ.ม. ใบย่อยรูปคล้ายสี่เหลี่ยม ปลายด้านบนเรียวแหลม โดยเฉพาะใบที่สร้างสปอร์ ขอบด้านบนและด้านข้างหยักมนตื้น มีก้านใบสั้นมาก เรียงตัวเป็นระเบียบ สีเขียวสด มีถิ่นกำเนิดจากบราซิล ปลูกเลี้ยงค่อนข้างง่าย ชอบอากาศเย็นชื้นแสงปานกลางหรือรำไร ปลูกเป็นไม้ตัดใบเพราะใบแห้งจะไม่หลุดร่วง

เครื่องปลูก
1.       เปลือกถั่ว 2 ส่วน  (หากพบใยสีขาวคล้าย ๆ เชื้อรา ติดอยู่ที่เปลือกถั่ว ไม่ต้องตกใจไม่เป็นอันตรายแก่เฟิร์น )
2.       อิฐมอญทุบ 2 ส่วน  ทุบแล้วร่อนผงอิฐออก เพราะผงอิฐจะทำให้ดินแน่น
3.       เศษถ่าน 2 ส่วน ร่อนเอาผงถ่านออก และร่อนให้ขนาดเล็กใหญ่ตามขนาดของกระถาง
4.       ใบไม้ผุ 4 ส่วน  ควรจะเป็นใบจามจุรีหรือใบทองหลาง
ปุ๋ย
ให้ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค๊ต) สูตรเสมอ โดยลดอัตราส่วนที่เขียน
ไว้ข้างกล่อง เหลือเพียง 1/4 เรื่องปุ๋ยนี้จะไม่ใส่ก็ได้ถ้าเครื่องปลูกดี
และคุมเรื่องน้ำ แสง และความชื้นในอากาศให้ได้
วิธีเตรียมเครื่องปลูก
 เมื่อเอาเครื่องปลูกทุกอย่างผสมกันแล้ว รดน้ำให้เครื่องปลูกชื้น
ถ้าใช้ไม่หมดใส่ถุงพลาสติกปิดปากให้แน่น เพื่อให้ชื้นอยู่เสมอ นอกจากนี้
ถ้าเครื่องปลูกแห้งเพราะ เราไม่รดน้ำเวลาผสม เมื่อเราปลูกเสร็จและรดน้ำ
จะเห็นว่าเครื่องปลูกไม่ค่อยดูดน้ำ น้ำจะเอ่อ อยู่หน้ากระถางทำให้บาง
ท่านเข้าใจผิดคิดว่าน้ำมากพอแล้วก็เลยหยุดรด ความจริงยังไม่พอ
ทำให้เครื่องปลูกข้างล่างแห้งต้นเฟิร์นจะตายได้

วิธีปลูก ต้องแต่งตัวให้เฟิร์นเสียก่อน โดยตัดใบแก่ทิ้งให้มากที่สุด
เพื่อใบใหม่จะได้งอกขึ้นมา เมื่อถอดต้นเฟิร์นออกจากกระถางแล้ว
ให้ตัดรากเก่าทิ้งเสียบ้าง ถ้าปลายรากเป็นสีเขียวใส ๆ แสดงว่า
เป็นรากใหม่อย่าตัดทิ้ง ดินเก่าที่ติดมาก็เอาทิ้งไปเสียบ้าง
การเตรียมกระถาง ถ้าเป็นกระถางดินเผา ควรแช่น้ำเสียก่อน
เวลาเราปลูกแล้วรดน้ำ กระถางจะได้ไม่แย่งดูดน้ำจากต้นไม้
เมื่อแช่กระถางเสร็จแล้ว ให้ปิดรูกระถางด้วยกระถางแตกเป็นแผ่น
โค้งโดยให้คว่ำลง อย่าหงายจะทำให้อุดรูกระถาง ทำให้ระบายน้ำ
ได้ไม่ดี (แผ่นแบนก็ไม่ควรใช้) ถ้าเป็นกระถางขนาดเล็กก็จะใช้ตาข่าย
ไนล่อนหรือเศษซาแรนตัดให้ได้ขนาดกับก้นกระถาง แล้วก็ใส่ถ่านทุบ
รองก้นกระถาง ถ้าต้องการให้โปร่งมาก ๆ จะใส่เปลือกถั่วลงไปอีก
ชั้นหนึ่งก็ได้ ใส่เครื่องปลูกที่ผสมแล้วลงไปเล็กน้อย ลองวางต้นไม้
ที่ถอดจากกระถางเก่าลงไป อย่าให้ลึกเกินไปนักเติมดินลงไปให้
ต่ำกว่าขอบกระถางประมาณ 1-2 นิ้ว ใส่ปุ๋ยกลบดินอีกนิดหน่อย

เครื่องเสวยที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรด

ตามคำบอกเล่าของเจ้าจอมสดับ ที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ควรอ่านได้ทุกคน
ได้แก่   1. ซุปลูกหมา  2. ปลาร้าหลน   3. แกงเทโพ   4. ไก่นมวัว
ในที่นี้จะขอกล่าวถึง ซุปลูกหมา และ ไก่นมวัว ถึงรายละเอียดและวิธีทำดังต่อไปนี้ เนื่องจากชื่ออาหารค่อนข้างแปลก
1. ซุปปอดโอโฟ หรือ ซุปลูกหมา
เครื่องปรุง
เนื้อวัว (ใช้เนื้อสะโพกหรือเนื้อสัน) พริกไทยเม็ด กานพลู หรืออบเชย หอมหัวใหญ่ แครอท มันฝรั่ง กะหล่ำปลี หรือ ผักกาดขาว เนยเหลว
วิธีทำ
นำเนื้อ 1 กิโลกรัม ซึ่งหั่นเป็นก้อน พริกไทย 11 เม็ด กานพลูหรืออบเชย (ไม่ป่น) เคี่ยวให้เปื่อย แล้วช้อนเอาเนื้อขึ้นไว้ต่างหาก นำน้ำเนื้อต้มมากรองด้วย เอาเนยใส่กระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำผักซึ่งล้างสะอาดและหั่นเป็นชิ้นตามชอบใส่ลงผัดกับเนย โรยเกลือ พริกไทยป่น รสตามชอบ แล้วใส่รวมกับน้ำเนื้อและก้อนเนื้อ นำไปตั้งไฟ เคี่ยวผักจนเปื่อย ชิมรสตามใจชอบ รับประทานกับขนมปัง
2. ไก่นมวัว
เครื่องปรุง
ไก่ 1 ตัว หอมหัวใหญ่ 6 หัว ไข่ไก่ต้มสุก 4 ฟอง  มันฝรั่งต้ม 6 หัว เครื่องน้ำพริกแกงเผ็ด (ไม่ใส่ผิวมะกรูด) นมวัว 2 ถ้วยชา กะทิ ต้นหอม ผักชี ผักกาดหอม พริกชี้ฟ้า
วิธีทำ
นำไก่มาล้างให้สะอาด หั่นแล้วนำมาเคี่ยวกับหางกะทิจนไก่เปื่อย นำน้ำพริกแกงเผ็ดมาผัดกับนมวัว แล้วราดลงในไก่ที่ต้มเปื่อยแล้ว เคี่ยวต่อไปให้น้ำพริกเข้าเนื้อ ใส่น้ำปลา น้ำตาล ชิมรสดูตามใจชอบ ตักไก่ใส่ในภาชนะจานเปล แล้วตักน้ำแกงราดบนไก่ให้ข้นฯ นำไข่ไก่ต้ม หอมหัวใหญ่ มันฝรั่งต้ม ต้นหอม ผักชี ผักกาดหอม พริกชี้ฟ้า มาหั่นแล้วประดับบนไก่
ที่มา :  หนังสือ เรื่องเล่าชาววัง ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วังสวนสุนันทา  พศ. 2536